ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ SilverAce ลำลูกกา ปทุมธานี

โภชนาการสำหรับผู้สูงอายุ เคล็ดลับกินดีมีสุข ใช้ชีวิตยาวไปด้วยกัน

วัยเกษียณที่แสนสุขไม่ใช่แค่เรื่องของการมีเงินออมเพียงพอ หรือการมีลูกหลานที่ดี แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการมีสุขภาพที่แข็งแรง ซึ่งเริ่มต้นได้ง่ายๆ จากจานอาหารของเรา

หลายคนอาจคิดว่าเมื่ออายุมากแล้ว จะกินอะไรก็ได้ เพราะอายุขัยคงเหลือไม่มาก แต่ความจริงแล้วการกินให้ถูกต้องในวัยนี้สำคัญมากกว่าที่คิด เพราะร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปต้องการการดูแลที่แตกต่างจากสมัยที่ยังหนุ่มสาว

บริการต่างๆ ของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ซิลเวอร์ เอซ เนอร์สซิ่งโฮม


เมื่อร่างกายเปลี่ยนไป อาหารก็ต้องเปลี่ยนตาม

ร่างกายผู้สูงอายุเหมือนเครื่องยนต์ที่ใช้งานมานาน ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง กล้ามเนื้อเริ่มลีบ กระดูกบางลง และการรับรสลดลง ปริมาณอาหารที่ต้องการน้อยลง แต่คุณภาพต้องดียิ่งขึ้น


ศิลปะการกินให้ครบ 5 หมู่ แบบไม่น่าเบื่อ

  • ข้าวและแป้ง: เปลี่ยนจากข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ หรือผสมธัญพืช

  • ผักและผลไม้: กินหลากสีเหมือนสีรุ้ง เพื่อให้ได้วิตามินครบถ้วน

  • โปรตีน: เน้นปลา ไข่ ถั่ว เต้าหู้ เลี่ยงเนื้อแดงติดมัน

  • นมและผลิตภัณฑ์จากนม: เสริมแคลเซียม หากดื่มนมย่อยยากเปลี่ยนเป็นโยเกิร์ตหรือเนยแข็ง

  • ไขมันดี: เลือกจากปลา ถั่ว และน้ำมันพืช


อาหารวิเศษที่ช่วยชะลอวัย

อาหารบำรุงสมองและความจำ : ปลาแซลมอน ปลาซาบะ (โอเมก้า 3), ไข่แดง (เลซิติน), ถั่วเหลือง และกล้วยที่อุดมด้วยโปแตสเซียม

อาหารบำรุงสายตา : ผักใบเขียวเข้ม (ลูทีน), แครอท ฟักทอง ส้ม มะละกอ (เบต้าแคโรทีน), ข้าวโพดหวาน

อาหารบำรุงกระดูก : นมสด ปลาเล็กปลาน้อย เต้าหู้แข็ง และงาดำ


ศัตรูของผู้สูงอายุ ที่ต้องระวัง

  • อาหารเค็มจัด: เพิ่มความเสี่ยงความดันสูงและโรคไต

  • อาหารหวานจัด: เสี่ยงเบาหวานและลดภูมิคุ้มกัน

  • อาหารทอด/ไขมันอิ่มตัว: เพิ่มคอเลสเตอรอลและโรคหัวใจ

  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์: ตับทำงานหนัก ความเสี่ยงหกล้มสูงขึ้น


เคล็ดลับทำให้มื้ออาหารเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข

การกินพร้อมครอบครัวหรือเพื่อนเก่าเพิ่มความสุข ลองเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการออกไปทานข้างนอกบ้าง หรือทำอาหารง่ายๆ ที่มีความหมายพิเศษให้ตัวเอง


รู้จักฟังสัญญาณจากร่างกาย

สัญญาณที่ควรใส่ใจ เช่น น้ำหนักลดโดยไม่ตั้งใจ อ่อนเพลียเรื้อรัง ผมร่วง เล็บเปราะ ผิวแห้ง ความจำเสื่อม หรืออารมณ์แปรปรวนผิดปกติ ล้วนสะท้อนการขาดสารอาหาร


การปรับอาหารเมื่อมีโรคประจำตัว

  • ผู้ป่วยเบาหวาน: ไม่ต้องงด แต่ควรลดปริมาณ เลือกข้าวกล้องและผลไม้หวานน้อย

  • ผู้ป่วยความดันสูง: ลดเค็ม ใช้สมุนไพรเพิ่มรสชาติ และกินผักผลไม้ที่มีโปแตสเซียม

  • ผู้มีปัญหาไต ตับ หัวใจ: ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการ


น้ำ เพื่อนคู่ใจที่มักถูกลืม

ดื่มน้ำบ่อยๆ ครั้งละน้อย ป้องกันท้องผูก เวียนศีรษะ และโรคไต หากเบื่อน้ำเปล่า เติมมะนาวหรือใบมิ้นต์ช่วยให้สดชื่น


เมื่อใดควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

หากมีอาการผิดปกติน้ำหนักเปลี่ยนแปลงหรือไม่แน่ใจว่ากินเหมาะสมหรือไม่ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อปรับแผนเฉพาะบุคคล


สุขภาพดีเริ่มต้นที่จานอาหาร

การเลือกอาหารที่หลากหลาย คุณภาพดี และอร่อย ทำให้ผู้สูงอายุมีชีวิตที่สดใสและเต็มไปด้วยพลัง การลงทุนกับสุขภาพคือของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองและครอบครัว

บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้ทั่วไป สำหรับคำแนะนำเฉพาะบุคคลควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการ

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุ Silver Ace Nursing Home พร้อมให้คำแนะนำและดูแลผู้สูงอายุของคุณด้วยความใส่ใจ

ผู้เขียนบทความ: พญ.ศศิธร คุณูปการ

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ SilverAce ลำลูกกา ปทุมธานี

แผลกดทับ สิ่งที่ผู้ดูแลที่บ้านควรรู้

แผลกดทับเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่ต้องนอนติดเตียงเป็นเวลานาน หากเราเข้าใจถึงสาเหตุและวิธีการป้องกันที่ถูกต้อง เราสามารถช่วยป้องกันไม่ให้คนที่เรารักได้รับความเจ็บปวดจากแผลกดทับนี้ได้

บริการต่างๆ ของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ซิลเวอร์ เอซ เนอร์สซิ่งโฮม

แผลกดทับคืออะไร 

แผลกดทับเกิดขึ้นเมื่อผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังถูกทำลายจากการถูกกดทับเป็นเวลานาน โดยเฉพาะบริเวณที่มีปุ่มกระดูกอยู่ใต้ผิวหนัง เช่น บริเวณก้นกบ สะโพก ส้นเท้า หรือข้อศอก เมื่อมีแรงกดเลือดจะไปเลี้ยงบริเวณนั้นได้น้อยลง ทำให้เนื้อเยื่อขาดอาหารและออกซิเจน หากปล่อยไว้นานๆ เนื้อเยื่อก็จะตายและกลายเป็นแผลในที่สุดนอกจากแรงกดแล้ว แรงเสียดสีจากการลากดึงร่างกายบนเตียงและแรงไถลจากการไถลขึ้นลงบนเตียงก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดแผลกดทับได้เช่นกัน

ใครมีความเสี่ยงแผลกดทับ

ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดแผลกดทับมักเป็นผู้ที่มีภาวะต่างๆ เช่น ผู้สูงอายุที่ผิวหนังบางและแห้ง ผู้ป่วยที่นอนติดเตียงหรือนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน ผู้ที่มีปัญหาการรับรู้หรือไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เอง รวมทั้งผู้ที่มีปัญหาโภชนาการหรือน้ำหนักตัวน้อยเกินไป

ความเปียกชื้นจากเหงื่อ ปัสสาวะ หรือการขับถ่ายก็เป็นปัจจัยเสริมที่สำคัญ เพราะจะทำให้ผิวหนังอ่อนแอมากขึ้นและถูกทำลายได้ง่าย การใช้เครื่องมือทางการแพทย์ต่างๆ เช่น สายยางให้อาหาร ก็อาจเป็นสาเหตุของแผลกดทับได้หากไม่มีการดูแลที่เหมาะสม

จุดเสี่ยงที่ควรสังเกต

ตำแหน่งที่พบแผลกดทับบ่อยที่สุดขึ้นอยู่กับท่าที่ผู้ป่วยอยู่เป็นส่วนใหญ่ สำหรับผู้ที่นอนหงาย จุดเสี่ยงคือบริเวณท้ายทอย กระดูกก้นกบ และด้านหลังของกระดูกต้นขา หากนอนตะแคง จะพบแรงกดมากที่บริเวณปุ่มกระดูกต้นขา ไหล่ และข้อศอก ส่วนผู้ที่นั่งเป็นเวลานานจะมีความเสี่ยงสูงบริเวณกระดูกเชิงกราน

ส้นเท้า เป็นอีกจุดหนึ่งที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะหากปล่อยให้ส้นเท้าแตะกับที่นอนหรือเตียงตลอดเวลา ก็อาจเกิดแผลกดทับขึ้นได้

ระดับความรุนแรงของแผลกดทับ

แผลกดทับมีหลายระดับความรุนแรง ในระดับแรกจะเห็นเป็นผิวหนังแดงๆ บริเวณที่ถูกกดทับ อาจมีอาการเจ็บปวด ร้อน หรือแข็งผิดปกติ หากไม่ได้รับการดูแล จะลุกลามเป็นระดับที่สองซึ่งผิวหนังจะเริ่มมีแผลตื้นๆ หรือตุ่มพองน้ำ

ถ้าปล่อยให้รุนแรงขึ้น แผลจะลึกลงไปถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง และในระดับที่รุนแรงที่สุด แผลจะลึกจนเห็นกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือแม้กระทั่งกระดูก ในบางกรณีอาจมีเนื้อตายปกคลุมพื้นแผลจนไม่สามารถดูความลึกได้ หรืออาจเป็นแผลที่ดูเหมือนปกติจากภายนอกแต่เนื้อเยื่อชั้นลึกได้รับความเสียหาย ทำให้ผิวหนังมีสีม่วงหรือน้ำตาลแดง

สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ แผลกดทับที่รุนแรงแล้วจะไม่กลับมาเป็นระดับที่เบาลงเหมือนเดิม แม้ว่าแผลจะหายแล้วก็ตาม เพราะเนื้อเยื่อใหม่ที่งอกขึ้นมาจะไม่เหมือนกับเนื้อเยื่อเดิม ที่เป็นชั้นกล้ามเนื้อหรือชั้นไขมันใต้ผิวหนัง

การดูแลผิวหนังอย่างถูกวิธี

การดูแลความสะอาดของผิวหนังเป็นพื้นฐานสำคัญในการป้องกันแผลกดทับ ควรทำความสะอาดผิวหนังด้วยน้ำและสบู่ที่มีความเป็นกรดด่างเหมาะสม หลังจากนั้นให้เช็ดให้แห้งเบาๆ โดยไม่ต้องขัดถูแรง หลีกเลี่ยงการนวดบริเวณปุ่มกระดูกเพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายได้

สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย ต้องทำความสะอาดทันทีหลังจากเปื้อนและใช้ครีมกันความชื้นเพื่อป้องกันผิวหนังถูกทำลาย การใช้ผ้าอ้อมควรเป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อควบคุมการขับถ่ายไม่ได้จริงๆ และต้องเปลี่ยนบ่อยๆ

การทาโลชั่นหรือครีมบำรุงผิวเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนังก็สำคัญมาก โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่ผิวหนังมักแห้งง่าย นอกจากนี้ การใช้วัสดุปิดแผลติดไว้บริเวณปุ่มกระดูกเพื่อป้องกันการเสียดสีก็เป็นวิธีที่ดี

โภชนาการที่เหมาะสม

อาหารที่ได้รับมีผลโดยตรงต่อการป้องกันและการรักษาแผลกดทับ ร่างกายต้องการสารอาหารครบถ้วนเพื่อรักษาผิวหนังให้แข็งแรงและซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย

คาร์โบไฮเดรตให้พลังงานสำหรับกระบวนการซ่อมแซมและลดการติดเชื้อ ไขมันช่วยสร้างผนังเซลล์ ส่วนโปรตีนเป็นสารอาหารสำคัญที่สุดในการสร้างหลอดเลือดฝอยใหม่และเนื้อเยื่อใหม่ หากร่างกายขาดโปรตีน แผลจะหายช้าและติดเชื้อง่าย

วิตามินต่างๆ ก็มีบทบาทสำคัญ วิตามินเอช่วยการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนัง วิตามินซีช่วยสร้างคอลลาเจน วิตามินบีลดการติดเชื้อ และวิตามินอีช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ เกลือแร่อย่างสังกะสี เหล็ก และทองแดงก็จำเป็นสำหรับการสร้างเนื้อเยื่อใหม่

น้ำก็มีความสำคัญไม่น้อย เมื่อร่างกายมีน้ำเพียงพอ เซลล์ผิวหนังจะสามารถเคลื่อนที่มาปิดแผลได้ดีขึ้น ดังนั้นควรดูแลให้ผู้ป่วยได้รับน้ำและอาหารที่มีคุณค่าเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

การเปลี่ยนท่าและการจัดท่าให้ถูกต้อง

การเปลี่ยนท่าเป็นประจำเป็นวิธีป้องกันแผลกดทับที่มีประสิทธิภาพที่สุดและประหยัดที่สุด หลักการคือไม่ให้บริเวณใดบริเวณหนึ่งถูกกดทับติดต่อกันนานเกิน 2 ชั่วโมง ดังนั้นจึงต้องพลิกหรือเปลี่ยนท่าผู้ป่วยทุก 2 ชั่วโมง แม้ในเวลากลางคืนก็ตาม

เมื่อต้องยกหรือเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ควรใช้ผ้ารองยกตัวเพื่อป้องกันการลากดึงซึ่งจะทำให้เกิดแรงเสียดสี ควรมีผู้ช่วยอย่างน้อย 2 คนในการเปลี่ยนท่าผู้ป่วยที่มีน้ำหนักมาก

สำหรับท่านอน หากจำเป็นต้องยกศีรษะสูง ควรไม่เกิน 30 องศา เพื่อลดแรงไถลที่เกิดจากการลื่นลงมา การนอนตะแครงควรให้สะโพกเอียงประมาณ 30 องศาจากที่นอน เพื่อหลีกเลี่ยงแรงกดโดยตรงบริเวณปุ่มกระดูกที่ไหล่และสะโพก

สำหรับผู้ที่สามารถนั่งได้ ท่านั่งที่ถูกต้องคือนั่งตัวตรง 90 องศา ไม่เอียงไปมา และไม่ควรนั่งติดต่อกันนานเกิน 1 ชั่วโมงต่อครั้ง ผู้ที่สามารถเคลื่อนไหวเองได้บ้างควรหมุนเวียนเปลี่ยนท่าทุก 15-30 นาที โดยยกสะโพกหรือโน้มตัวไปข้างหน้า

การใช้อุปกรณ์ช่วยลดแรงกด

อุปกรณ์ต่างๆ สามารถช่วยลดแรงกดและกระจายน้ำหนักได้ แต่ต้องเลือกใช้อย่างถูกต้อง ที่นอนลดแรงกดหรือเบาะรองนั่งพิเศษสามารถช่วยกระจายแรงกดได้ดี แต่ต้องตรวจสอบว่าไม่เกิดภาวะ “bottom out” คือสามารถสอดมือลงไปใต้อุปกรณ์ได้อย่างน้อย 2.5 เซนติเมตร หากน้อยกว่านี้แสดงว่าอุปกรณ์ไม่มีประสิทธิภาพแล้ว

หมอนเป็นอุปกรณ์ง่ายๆ ที่มีประโยชน์มาก ใช้สอดคั่นระหว่างเข่าเมื่อนอนตะแคง เพื่อป้องกันการเสียดสีกัน การยกส้นเท้าให้ลอยจากเตียงด้วยหมอนรองใต้น่องก็ช่วยป้องกันแผลกดทับที่ส้นเท้าได้

สำหรับเก้าอี้หรือรถเข็น ควรมีพนักพิง ที่วางแขน และที่พักเท้าที่เหมาะสม ขนาดของเก้าอี้ต้องไม่กว้างหรือแคบเกินไป และต้องสามารถวางเท้าลงพื้นหรือที่รองเท้าได้สบาย

อุปกรณ์ที่ไม่ควรใช้ ได้แก่ ถุงมือใส่น้ำมารองรับบริเวณปุ่มกระดูก เพราะแทนที่จะลดแรงกดกลับเพิ่มแรงกดขึ้นอีก และอุปกรณ์รูปโดนัทก็ไม่ควรใช้เช่นกัน เพราะจะทำให้เกิดแรงกดบริเวณรอบๆ และเกิดการบวมคั่งเลือด

การให้ความรู้แก่ผู้ดูแล

ผู้ดูแลและครอบครัวควรได้รับการอบรมเกี่ยวกับการป้องกันแผลกดทับอย่างถูกต้อง ความรู้ที่ควรมีรวมถึงการสังเกตอาการเบื้องต้น การดูแลผิวหนัง เทคนิคการเปลี่ยนท่า และการใช้อุปกรณ์ช่วยต่างๆ

การติดตามและประเมินผลการดูแลเป็นสิ่งสำคัญ ควรตรวจดูผิวหนังบริเวณเสี่ยงทุกวัน หากพบสีแดงหรือการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต้องปรับการดูแลทันทีและปรึกษาแพทย์หากจำเป็น

บทสรุป

แผลกดทับเป็นปัญหาที่สามารถป้องกันได้หากมีการดูแลที่เหมาะสม การเปลี่ยนท่าเป็นประจำ การดูแลความสะอาดของผิวหนัง การให้อาหารที่มีคุณค่า และการใช้อุปกรณ์ช่วยอย่างถูกต้อง คือแนวทางหลักในการป้องกัน

ผู้ดูแลที่บ้านมีบทบาทสำคัญมากในการป้องกันแผลกดทับ ด้วยความรู้ที่ถูกต้องและการดูแลอย่างต่อเนื่อง เราสามารถช่วยให้คนที่เรารักมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและปลอดภัยจากแผลกดทับได้

หากมีข้อสงสัยหรือพบการเปลี่ยนแปลงใดๆ ของผิวหนัง ควรปรึกษาแพทย์หรือพยาบาลผู้เชี่ยวชาญทันที การดูแลที่ถูกต้องตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันปัญหาใหญ่ที่อาจตามมาได้


บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้แก่ผู้ดูแลที่บ้าน หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุและการป้องกันแผลกดทับ สามารถติดต่อสอบถาม Silver Ace Nursing Homeได้  เรามีทีมแพทย์และพยาบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมสิ่งแวดล้อมที่สะอาด ปลอดภัย และอบอุ่น ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้สูงอายุจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด

ผู้เขียนบทความ: พญ.ศศิธร คุณูปการ

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ SilverAce ลำลูกกา ปทุมธานี

การจัดท่าผู้ป่วยติดเตียงและการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย แนวทางสำหรับผู้ดูแล

การดูแลผู้ป่วยติดเตียงในระยะยาวต้องอาศัยความรู้ด้านการจัดท่าที่ถูกต้องและเทคนิคการเคลื่อนย้ายที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและส่งเสริมการฟื้นฟูสภาพของผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง อัมพาต อัมพฤกษ์ และผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาต่างๆ

บริการต่างๆ ของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ซิลเวอร์ เอซ เนอร์สซิ่งโฮม

วัตถุประสงค์ของการจัดท่าที่ถูกต้อง

การจัดท่านอนที่เหมาะสมมีจุดมุ่งหมายหลายประการ ได้แก่ การป้องกันภาวะแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อด้านที่เป็นอัมพาต การป้องกันการหดสั้นของเอ็นกล้ามเนื้อและข้อยึดติด การกระตุ้นให้ผู้ป่วยสนใจร่างกายซีกอัมพาต การป้องกันการเจ็บปวดที่ข้อไหล่และข้อมือ และการเตรียมความพร้อมสำหรับการฟื้นฟูต่อเนื่อง

การจัดท่านอนหงาย องค์ประกอบสำคัญการจัดท่านอนหงายเริ่มต้นจากการจัดศีรษะให้ตรง โดยใช้หมอนที่มีความสูงเหมาะสม ไม่เตี้ยหรือสูงเกินไป สำหรับส่วนแขนและไหล่ ควรจัดตัวให้ตรง กางแขนข้างอ่อนแรงออกเล็กน้อย ดึงสะบักมาทางด้านหน้า แล้วใช้ผ้าหรือหมอนบางรองใต้สะบัก

การรองหมอนใต้แขนข้างอ่อนแรงมีความสำคัญ โดยให้แขนเหยียดและกางออกเล็กน้อย หงายฝ่ามือขึ้น สำหรับส่วนสะโพกและขา ควรใช้ผ้าหรือหมอนบางๆ หนุนหรือวางใต้สะโพกด้านอัมพาต เพื่อกันไม่ให้เชิงกรานแบะออกไปด้านหลัง และรองหมอนใต้เข่าให้เข่างอเล็กน้อย

การจัดท่านอนตะแคง นอนตะแคงทับข้างที่ปกติ การจัดท่านอนตะแคงทับข้างที่ปกติเริ่มจากการรองหมอนที่ศีรษะให้เหมาะสม รองหมอนใต้แขนด้านที่อ่อนแรง โดยดึงสะบักผู้ป่วยไปด้านหน้าพร้อมกับกางแขนผู้ป่วยออก 90 องศา หมอนรองตลอดแขนจนถึงฝ่ามือ จัดท่าให้ศอกเหยียด สำหรับการจัดขา ให้รองหมอนใต้ขาข้างอ่อนแรงจนถึงฝ่าเท้า งอสะโพกและเข่าข้างอ่อนแรงเล็กน้อย ไขว้ไปทางด้านหน้า

นอนตะแคงทับข้างที่อ่อนแรง สำหรับท่านอนตะแคงทับข้างที่อ่อนแรง ควรดึงสะบักข้างอ่อนแรงมาทางด้านหน้า พร้อมกางแขนผู้ป่วยออกมาเล็กน้อย หงายฝ่ามือขึ้น รองหมอนใต้ขาข้างปกติถึงฝ่าเท้า งอสะโพกและเข่าไขว้ไปข้างหน้า ส่วนข้างอ่อนแรงงอเข่าเล็กน้อย เหยียดสะโพกไปข้างหลัง

การนั่งในเก้าอี้และท่าห้อยขา การจัดท่านั่งที่ถูกต้องมีความสำคัญไม่แพ้การนอน ควรให้ศีรษะตรง ไหล่อยู่ระดับเดียวกัน ไม่ปล่อยด้านอัมพาตบิดไปด้านหลัง ลำตัวตรง ลงน้ำหนักบนก้นเท่ากันทั้ง 2 ข้างวางแขนข้างอ่อนแรงบนหมอนข้างลำตัว หนุนให้สูงจนไหล่ข้างอ่อนแรงอยู่ในระดับเดียวกับข้างปกติ หากผู้ป่วยนั่งบนเก้าอี้ ให้วางแขนไว้บนที่พักแขน ถ้าที่พักแขนต่ำไป ให้ใช้หมอนรองอีกชั้นหนึ่ง สำหรับการจัดขาและเท้า ให้ขาทั้งสองข้างตั้งตรง จัดเท้าให้วางบนพื้นเต็มทั้งสองฝ่าเท้า ถ้าเก้าอี้สูงเกินไปจนเท้าลอย ให้หาตั่งเตี้ยๆ มารองจนสามารถวางฝ่าเท้าได้เต็มที่ทั้ง 2 ข้าง

การออกกำลังกายแบบผู้อื่นทำให้ การออกกำลังกายแบบ Passive Exercise มีข้อควรปฏิบัติสำคัญ คือการเคลื่อนไหวให้ผู้ป่วยควรทำช้าๆ และนิ่มนวล ควรทำการเคลื่อนไหวให้สุดช่วงการเคลื่อนไหวปกติ ทำท่าละ 15-20 ครั้ง อย่างน้อยวันละ 2 รอบ หากผู้ป่วยมีอาการปวดมาก ควรหยุดทำแล้วปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด และห้ามทำในกรณีที่สงสัยว่าข้อเคลื่อนหรือกระดูกหัก ท่าการออกกำลังกายพื้นฐานประกอบด้วย การยกแขนขึ้น-ลง การกางแขนออก-หุบแขนเข้า การหมุนข้อไหล่เข้า-ออก การงอเหยียดข้อศอก การงอเหยียดข้อมือและนิ้วมือ การงอเหยียดข้อสะโพกและข้อเข่า การหมุนข้อสะโพกเข้าออก การกางหุบข้อสะโพก และการกระดกข้อเท้าขึ้น-ลง

การฝึกย้ายตนเองอย่างปลอดภัย

     การฝึกลุกนั่งจากเตียง การฝึกลุกนั่งจากเตียงเป็นขั้นตอนแรกของการฟื้นฟูสภาพ ผู้ดูแลควรกระตุ้นผู้ติดเตียงให้ใช้แรงที่มีอยู่ หากไม่ไหว ให้มีคนช่วยประคองคอกับสะโพก งอข้อต่อเพื่อลดแรง พลิกตัว ยันตัวประคองไหล่-ศอก และฝึกทรงท่านั่งอย่างน้อย 15 นาที

    การฝึกลุกยืนหลังจากสามารถนั่งได้มั่นคงแล้ว จึงเริ่มฝึกลุกยืน โดยให้ยืนแยกเท้าสองข้าง ให้ทรงตัวได้นานอย่างน้อย 3 นาที มีเก้าอี้มั่นคงพร้อมยันมือได้ ผู้ดูแลประคองช่วยข้างที่อ่อนแรง แตะข้อสะบัก ข้อไหล่ และสะเอว

    การย้ายตัวจากเตียงไปรถเข็นการย้ายตัวจากเตียงไปรถเข็นต้องใช้เทคนิคที่ถูกต้อง ผู้ดูแลโอบสะเอว งอเข่าผู้ดูแลชิดเข่าผู้ติดเตียง เท้าประกบให้มั่นคง ทั้งคู่ตั้งตัวตรงทรงตัวมั่นคง ผู้ติดเตียงโน้มชิดตัวจับที่วางแขนบนรถเข็น ผู้ดูแลหมุนข้อเท้า 2 จังหวะ คือจังหวะเหวี่ยงแขนที่โอบเอวกับจังหวะงอเข่าลดตัวผู้ติดเตียงลงรถเข็น

ข้อควรระวังในการดูแล

การดูแลผู้ป่วยติดเตียงต้องคำนึงถึงการป้องกันแผลกดทับ โดยการพลิกตะแคงตัวผู้ป่วยทุก 2 ชั่วโมง จัดท่าผู้ป่วยให้เหมาะสม ป้องกันการเสียดสี โดยใช้ผ้ายกตัว ไม่ควรใช้วิธีลาก ดูแลผิวหนังทำความสะอาดไม่ให้เปียกชื้น และทาครีมหรือวาสลีนเพื่อลดการแห้งแตกของผิวหนัง

นอกจากนี้ ยังต้องป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น การติดเชื้อปอดจากการสำลักอาหาร การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ และปัญหาท้องผูก โดยการส่งเสริมการเคลื่อนไหวเท่าที่ทำได้และให้อาหารที่มีไฟเบอร์

 บทสรุป

การจัดท่าผู้ป่วยติดเตียงและการเคลื่อนย้ายที่ถูกต้องเป็นศิลปะและวิทยาศาสตร์ที่ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง การปฏิบัติที่ถูกต้องจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อน ส่งเสริมการฟื้นฟูสภาพ และเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว การทำงานร่วมกับทีมสหวิชาชีพและการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเมื่อจำเป็นจะทำให้การดูแลมีประสิทธิภาพสูงสุด

เอกสารอ้างอิง

คู่มือการดูแลระยะยาว (Long Term Care) สำหรับทีมหมอครอบครัว. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี: สำนักบริหารการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข; 2559. หน้า 44-59.

ผู้เขียนบทความ: พญ.ศศิธร คุณูปการ

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ SilverAce ลำลูกกา ปทุมธานี

การใช้ยาในการดูแลระยะยาว แนวทางสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง

การดูแลผู้ป่วยระยะยาว: แนวทางการใช้ยาอย่างปลอดภัยในผู้สูงอายุ

การดูแลผู้ป่วยระยะยาว โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวหลายโรค มักจำเป็นต้องใช้ยาหลายชนิดพร้อมกัน การมีความรู้เกี่ยวกับการใช้ยาอย่างถูกต้องและปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ดูแลและครอบครัว

บริการต่างๆ ของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ซิลเวอร์ เอซ เนอร์สซิ่งโฮม


ความสำคัญของการจัดการยาในผู้สูงอายุ

ผู้ป่วยในการดูแลระยะยาวส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มีโรคและภาวะหลายอย่าง ทำให้ต้องใช้ยาหลายชนิดพร้อมกัน (Polypharmacy) ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อ:

  • ปฏิกิริยาระหว่างยา

  • ผลข้างเคียงของยา

  • การใช้ยาไม่ถูกต้อง

ดังนั้น ผู้ดูแลควรมีความรู้เกี่ยวกับยาที่ผู้ป่วยใช้ วิธีประเมินความเหมาะสม ผลข้างเคียง และการติดตามการใช้ยาที่แพทย์สั่ง รวมถึงยาที่ผู้ป่วยซื้อเอง


หลักการให้ยาผู้สูงอายุ

1. การพิจารณาความจำเป็น

  • ประเมินว่ามีทางเลือกที่ไม่ใช้ยาหรือไม่

  • ชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียของการใช้ยา

  • ประเมินความสามารถของผู้ป่วยในการรับประทานยาเอง

2. การเลือกใช้ยา

  • เลือกยาที่คุ้นเคย หลีกเลี่ยงยาที่ไม่เคยใช้

  • เริ่มด้วยขนาดยาต่ำ อาจต้องลดขนาดในผู้สูงอายุ

  • ระวังยาที่มีผลข้างเคียงสูง เช่น ยาเบาหวานชนิดออกฤทธิ์ยาว

3. การให้คำแนะนำ

  • ใช้วิธีการกินยาที่ง่าย เช่น วันละ 1–2 ครั้ง

  • อธิบายให้ผู้ป่วยและญาติเข้าใจชัดเจน

  • พิจารณาความสะดวก เช่น ขวดยาที่เปิดง่าย

4. การติดตามประเมินผล

  • ทบทวนรายการยาอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดยาที่ไม่จำเป็น

  • ประเมินการใช้ยาที่ซื้อเอง เช่น ยาลูกกลอน

  • ตรวจสอบยาที่เหลือเพื่อประเมินการปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์


ยาที่ใช้บ่อยและผลข้างเคียงที่ควรระวัง
กลุ่มยาโรคหัวใจและความดันโลหิต

ยาขับปัสสาวะกลุ่ม Thiazide

  • ผลข้างเคียง: เกลือแร่ผิดปกติ กรดยูริคสูง

  • การดูแล: ตรวจเกลือแร่ในเลือดเป็นระยะ

ACE inhibitors (เช่น Enalapril)

  • ผลข้างเคียง: ไอแห้งๆ

  • การดูแล: หากไอมากควรปรึกษาแพทย์เพื่อเปลี่ยนยา

Beta blockers (เช่น Propranolol)

  • ผลข้างเคียง: ความดันต่ำ หัวใจเต้นช้า

  • การดูแล: วัดความดันและชีพจรเป็นระยะ

Calcium channel blockers (เช่น Amlodipine)

  • ผลข้างเคียง: ขาบวม

  • การดูแล: สังเกตอาการบวมที่ข้อเท้าและน่อง

Digoxin

  • ผลข้างเคียง: ระดับยาเป็นพิษ หัวใจเต้นผิดจังหวะ

  • การดูแล: ตรวจระดับยาในเลือดเป็นระยะ

Aspirin และ Warfarin

  • ผลข้างเคียง: กัดกระเพาะ เลือดออกง่าย อุจจาระดำ

  • การดูแล: ระวังปฏิกิริยากับยาอื่นและอาหาร


กลุ่มยาเบาหวาน

ยาฉีดอินซูลิน

  • ผลข้างเคียง: น้ำตาลต่ำ

  • การดูแล: สังเกตอาการใจสั่น เหงื่อออก

Metformin

  • ผลข้างเคียง: คลื่นไส้ เบื่ออาหาร

  • การดูแล: รับประทานพร้อมอาหาร

Glipizide, Glibenclamide

  • ผลข้างเคียง: น้ำตาลต่ำ

  • การดูแล: หลีกเลี่ยงการข้ามมื้ออาหาร


กลุ่มยาลดไขมัน

Statins

  • ผลข้างเคียง: ปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้

  • การดูแล: ตรวจการทำงานของตับเป็นครั้งคราว


กลุ่มยานอนหลับและคลายกังวล

Benzodiazepines

  • ผลข้างเคียง: ง่วงนอน วิงเวียน ความจำลดลง

  • การดูแล: เสี่ยงต่อการหกล้ม ควรใช้ระยะสั้น


กลุ่มยารักษาโรคซึมเศร้า

TCA (เช่น Amitriptyline)

  • ผลข้างเคียง: ปากคอแห้ง ท้องผูก ง่วงซึม

  • การดูแล: ระวังเมื่อเปลี่ยนอิริยาบถ


กลุ่มยาต้านโรคจิต

  • ผลข้างเคียง: ง่วงนอน กล้ามเนื้อเกร็ง กระวนกระวาย ปากแห้ง

  • ระวังอาการเคลื่อนไหวผิดปกติของปากและใบหน้าเมื่อใช้ยานาน


กลุ่มยาแก้ปวด

NSAIDs

  • ผลข้างเคียง: แผลในกระเพาะ พิษต่อไต

  • การดูแล: หลีกเลี่ยงการใช้ระยะยาว

ยาคลายกล้ามเนื้อ

  • ผลข้างเคียง: ง่วงนอน เสี่ยงหกล้ม

  • การดูแล: ระมัดระวังในการใช้กับผู้สูงอายุ


แนวทางการจัดการยาในทางปฏิบัติ

การจัดเก็บยา

  • เก็บในที่แห้ง เย็น ไม่โดนแสงแดด

  • แยกยาของแต่ละคน

  • ตรวจสอบวันหมดอายุเป็นประจำ

การจัดตารางยา

  • ทำตารางการกินยาที่เข้าใจง่าย

  • ใช้กล่องแบ่งยารายวันหรือรายสัปดาห์

  • กำหนดเวลาชัดเจน

การติดตามผลข้างเคียง

  • สังเกตอาการผิดปกติ

  • บันทึกอาการที่เกิดขึ้น

  • ปรึกษาแพทย์เมื่อมีข้อสงสัย

การสื่อสารกับทีมแพทย์

  • แจ้งยาทุกชนิดที่ใช้ รวมถึงยาซื้อเอง

  • สอบถามเรื่องปฏิกิริยาระหว่างยา

  • รายงานผลข้างเคียงที่พบ


ข้อควรระวังพิเศษ
การใช้ยาหลายชนิดพร้อมกัน

  • ระวังปฏิกิริยาระหว่างยา

  • หลีกเลี่ยงยาที่ออกฤทธิ์ซ้ำซ้อน

  • ปรึกษาเภสัชกรหากไม่แน่ใจ

การปรับขนาดยาในผู้สูงอายุ

  • เริ่มด้วยขนาดต่ำ

  • ปรับขนาดค่อยเป็นค่อยไป

  • ติดตามผลอย่างใกล้ชิด

การใช้ยาในผู้ป่วยที่มีปัญหาการกลืน

  • พิจารณารูปแบบยาที่เหมาะสม (ยาน้ำ แคปซูลเปิดได้)

  • ระวังยาที่ห้ามบด เช่น enteric-coated

  • ปรึกษาเภสัชกรก่อนปรับรูปแบบยา


บทสรุป

การใช้ยาในการดูแลระยะยาวต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และการติดตามใกล้ชิด การจัดการยาที่ถูกต้องช่วยลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงและเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา

ผู้ดูแลควรร่วมมือกับทีมแพทย์และสอบถามเมื่อสงสัย เพื่อให้การใช้ยาเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีคุณภาพ


ที่มา:
คู่มือการดูแลระยะยาว (Long Term Care) สำหรับทีมหมอครอบครัว. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี: สำนักบริหารการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข; 2559. หน้า 76–80.

ผู้เขียนบทความ: พญ.ศศิธร คุณูปการ

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ SilverAce ลำลูกกา ปทุมธานี

วิธีเลือก”ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ” แชร์ประสบการณ์จริง พร้อมสถานที่น่าสนใจที่เราได้เรียนรู้

ทำไม“ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ” จึงเป็นทางเลือกสำคัญของครอบครัวยุคใหม่? จากประสบการณ์ของเราก่อนจะกลายมาเป็น Silver Ace Nursing Home แล้วเวลาเราต้องเลือกศูนย์ฯ ให้พ่อแม่ เราควรมองอะไรบ้าง 

ทำไม“ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ” จึงเป็นทางเลือกสำคัญของครอบครัวยุคใหม่?
ในโลกปัจจุบันที่สังคมเริ่มเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุ” เต็มตัว หนึ่งในคำถามที่หลายครอบครัวเริ่มเผชิญคือ “เราจะดูแลพ่อแม่ที่เริ่มอายุมากขึ้นอย่างไรให้ดีที่สุด?” โดยเฉพาะเมื่อเวลาหรือความสามารถในการดูแลไม่อาจเพียงพอได้ตลอดเวลา

การมองหา ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ จึงกลายเป็นคำค้นที่หลายครอบครัวเสิร์ชทุกวัน แต่การเลือกศูนย์ฯ ไม่ใช่แค่เรื่องของสถานที่หรือบุคลากรเท่านั้น แต่มันคือ “บ้านหลังที่สอง” ที่คนที่เรารักจะใช้ชีวิตในแต่ละวัน

บริการต่างๆ ของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ซิลเวอร์ เอซ เนอร์สซิ่งโฮม

จากประสบการณ์ของเราก่อนจะกลายมาเป็น Silver Ace Nursing Home
ก่อนที่เราจะเปิดให้บริการในชื่อ Silver Ace Nursing Home เราเองเคยอยู่ในจุดเดียวกับหลายครอบครัว… จุดที่ต้องตัดสินใจส่งคนในบ้านไปอยู่ในสถานดูแล และรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย

เราศึกษามาหลายแห่ง เที่ยวชมด้วยตัวเอง พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ และแม้กระทั่งใช้บริการจริงในฐานะครอบครัวของผู้เข้าพัก บทเรียนทั้งหมดนั้น ทำให้เราเห็นช่องว่างบางอย่างที่ยังไม่มีใครเติมเต็ม เช่น ความเข้าใจในโรคประจำตัว, การสื่อสารกับญาติ, หรือแม้แต่การสร้างบรรยากาศให้รู้สึกว่า “อยู่บ้าน”

และนั่นคือที่มาของ Silver Ace Nursing Home — ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่เริ่มต้นจากประสบการณ์จริง ไม่ใช่แค่โมเดลธุรกิจ

แล้วเวลาเราต้องเลือกศูนย์ฯ ให้พ่อแม่ เราควรมองอะไรบ้าง?

1.  ดูทีมดูแลว่ามีประสบการณ์จริงหรือไม่

ไม่ใช่ทุกคนที่เป็น “พยาบาล” จะเข้าใจผู้สูงอายุ บางแห่งมีบุคลากรเยอะ แต่ขาดทักษะในการสื่อสารกับผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อมหรือโรคเรื้อรังต่าง ๆ

ที่ Silver Ace Nursing Home เราคัดทีมจากคนที่มีประสบการณ์ตรง เคยดูแลผู้ป่วยติดเตียงจริง ผ่านเคสหนักจริง และมีใจในการอยู่กับผู้สูงอายุเป็น “ระยะยาว” ไม่ใช่แค่หน้าที่รายเดือน

2. มีแผนการดูแลเฉพาะบุคคล (Individual Care Plan)

ผู้สูงอายุแต่ละคนมีความต้องการต่างกัน เช่น บางคนต้องการอาหารเฉพาะโรค บางคนต้องใช้กายภาพบำบัด บางคนต้องใช้สายให้อาหาร PEG หรือต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

เราพบว่า ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่ดี ต้องเริ่มจากการประเมินรายบุคคล และวางแผนดูแลเฉพาะคน ไม่ใช่ใช้สูตรเดียวกันกับทุกคน

แชร์รายชื่อศูนย์ฯ ที่เราเคยเยี่ยมชมและศึกษามาก่อนเปิดบริการ

เพื่อให้ข้อมูลครบถ้วนและโปร่งใส เราขอแชร์รายชื่อสถานที่ที่เรานำมาเป็นแนวทางศึกษาก่อนเปิด SilverAce Nursing Home ซึ่งหลายแห่งยังคงทำได้ดีมากจนถึงปัจจุบัน

บ้านแสนสุข เฮลท์แคร์

จุดเด่น เน้นดูแลเคสหนักที่ต้องการการดูแลพิเศษ เช่น ใช้เครื่องช่วยหายใจ (Home ventilator) ดูแลโดยพยาบาลเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ใน ICU โดยเฉพาะ

แสนปิติ

จุดเด่น เน้นการกายภาพฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ทั้ง แตก ตีบ โดยนักกายภาพมืออาชีพ

The Senior

จุดเด่น  มีทีมแพทย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ และระบบดูแลผู้ป่วยระยะยาวแบบครบวงจร

Agewell

จุดเด่น  ดูแลเฉพาะทางด้านภาวะสมองเสื่อม และมีทีมกายภาพร่วมพัฒนาแผนกิจกรรมผู้สูงวัย และยังมีวารีบำบัดอีกด้วย

โฮมฮักเอลเดอร์แคร์ เชียงราย

จุดเด่น สำหรับครอบครัวในภาคเหนือ บรรยากาศอบอุ่นมาก มีชุมชนอาสา และระบบดูแลแบบกลุ่มเล็ก

โรงพยาบาลนอร์ทเมด

จุดเด่น เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางผู้สูงอายุ  มีแพทย์ประจำ พร้อมห้องพักแบบโรงพยาบาลสุดหรู

Silver Ace Nursing Home กับความตั้งใจเล็กๆ ที่ไม่อยากให้ใครต้องกังวล

แม้เราจะไม่ใช่ศูนย์ฯ ที่ใหญ่ที่สุด หรือมีโฆษณาเยอะที่สุด แต่เรายืนยันว่า สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดคือ “ความใส่ใจ” ในรายละเอียด
เรามี แพทย์เข้าตรวจสุขภาพประจำสัปดาห์

  • มี ระบบรายงานญาติทุกวันผ่านไลน์ พร้อมภาพกิจกรรม
  • กิจกรรมประจำวันถูกออกแบบให้ กระตุ้นการเคลื่อนไหวและพัฒนาการด้านอารมณ์
  • มีเมนูอาหารเฉพาะโรค และปรับตามอาการได้จริง
  • รองรับผู้ป่วยติดเตียง, ใส่สายให้อาหาร, โรคไต, อัมพฤกษ์ ฯลฯ

เรายินดีพูดคุยและประเมินเบื้องต้นฟรีโดยไม่มีข้อผูกมัด เพื่อให้ครอบครัวตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ และมีบริการประเมินอาการ “ฟรี” ที่บ้าน ในระยะทาง 10 กม. จากศูนย์

การเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ คือเรื่องของใจไม่ใช่แค่ตัวเลือก

การตัดสินใจส่งใครสักคนที่เรารักไปอยู่ในความดูแลของคนอื่นเป็นเรื่องใหญ่มาก เราเข้าใจว่าคุณอาจรู้สึกผิด อาจลังเล หรืออาจไม่มั่นใจ แต่สิ่งหนึ่งที่อยากบอกคือ คุณไม่ได้อยู่คนเดียว

เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณมีข้อมูลมากขึ้น ทั้งจากประสบการณ์ตรงของเรา และจากศูนย์ฯ ต่างๆ ที่มีคุณภาพในประเทศไทย

หากคุณกำลังหาศูนย์ฯ สำหรับดูแลผู้สูงวัยในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑล
พูดคุยกับเราได้เลยที่นี่ ไม่ต้องรีบตัดสินใจ แต่ลองให้เราเป็นอีกหนึ่งทางเลือก

ผู้เขียนบทความ: พญ.ศศิธร คุณูปการ

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ SilverAce ลำลูกกา ปทุมธานี

ฟื้นฟูไตผู้สูงอายุ รับมือไตวายเฉียบพลันให้กลับมาแข็งแรงอย่างยั่งยืน

ไตวายเฉียบพลัน แม้ไม่ใช่โรคอุบัติใหม่ แต่เป็นภาวะที่อาจคุกคามสุขภาพของผู้สูงอายุได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ ภาวะนี้มักเกิดขึ้นฉับพลันเมื่อร่างกายเจ็บป่วยหนัก เช่น การติดเชื้อรุนแรง การขาดน้ำอย่างหนัก หรือการได้รับยาที่มีผลข้างเคียงต่อไต สิ่งที่น่ากังวลคือผู้ป่วยจำนวนมากมักไม่รู้ตัว จนกระทั่งมีอาการแทรกซ้อนที่รุนแรง หรือตรวจพบค่าไตที่ผิดปกติไปแล้ว

บริการต่างๆ ของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ซิลเวอร์ เอซ เนอร์สซิ่งโฮม

ไตวายเฉียบพลันคืออะไร?

ภาวะไตวายเฉียบพลัน (Acute Renal Failure) หมายถึง การที่ไตสูญเสียความสามารถในการทำงานอย่างรวดเร็ว ทั้งการกรองของเสีย การรักษาสมดุลของน้ำ เกลือแร่ และกรด-ด่างในร่างกาย ภายในระยะเวลาไม่กี่วัน โดยสามารถสังเกตได้จาก ระดับครีเอตินินในเลือดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือ ปริมาณปัสสาวะที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ในผู้สูงอายุ การทำงานของไตมักเสื่อมลงตามวัยอยู่แล้ว การเกิดไตวายเฉียบพลันซ้อนเข้ามาจึงทำให้ร่างกายอ่อนแอและเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนมากกว่าคนทั่วไป หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสมตั้งแต่เนิ่นๆ อาจนำไปสู่การล้างไตถาวร หรือในกรณีที่รุนแรง อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

สาเหตุที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ

  1. การติดเชื้อ: โดยเฉพาะการติดเชื้อในกระแสเลือดหรือปอดอักเสบ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของร่างกายโดยรวม
  2. ภาวะขาดน้ำ: เช่น จากการอาเจียน ท้องเสียรุนแรง หรือการเบื่ออาหาร ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ที่จำเป็น 
  3. ผลข้างเคียงจากยา: ยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs (ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์) หรือยาปฏิชีวนะบางชนิด อาจส่งผลเสียต่อไต 
  4. ความดันโลหิตต่ำ: จากภาวะช็อก หรือโรคหัวใจที่ไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงไตได้เพียงพอ
  5. การอุดตันของทางเดินปัสสาวะ: เช่น ภาวะต่อมลูกหมากโตในเพศชาย หรือนิ่วในทางเดินปัสสาวะ ที่ขัดขวางการขับปัสสาวะออกไป

อาการที่ควรระวัง

ผู้สูงอายุที่มีภาวะไตวายเฉียบพลันอาจไม่มีอาการชัดเจนในระยะแรก แต่ควรสังเกตอาการเหล่านี้:

  •  ปัสสาวะน้อยลงผิดปกติ: เป็นสัญญาณสำคัญของการทำงานของไตที่บกพร่อง
  •  อาการบวม: บวมที่เท้า ใบหน้า หรือรอบดวงตา ซึ่งเกิดจากการคั่งของน้ำในร่างกาย 
  • เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย: ร่างกายไม่สามารถขับของเสียออกไปได้ ทำให้รู้สึกไม่สดชื่น
  • คลื่นไส้ เบื่ออาหาร 
  • ง่วงซึม หรือสับสนผิดปกติ: บ่งชี้ถึงการสะสมของสารพิษในร่างกายที่ส่งผลต่อระบบประสาท

หากพบอาการเหล่านี้ร่วมกับประวัติการเจ็บป่วยรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา ควรรีบพาผู้สูงอายุไปพบแพทย์เพื่อประเมินการทำงานของไตโดยด่วน

การรักษาและดูแลในระยะเฉียบพลัน

การดูแลผู้ป่วยไตวายเฉียบพลันในผู้สูงอายุจะเน้นที่การ แก้ไขสาเหตุ การ ฟื้นฟูสมดุลน้ำและเกลือแร่ และการ หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อไตเพิ่มเติม เช่น การหยุดยาที่อาจเป็นอันตรายต่อไต และการให้สารน้ำในปริมาณที่เหมาะสม

ในกรณีที่อาการรุนแรง เช่น ภาวะน้ำท่วมปอด หรือระดับโพแทสเซียมในเลือดสูงมาก อาจจำเป็นต้องมีการ บำบัดทดแทนไต (การล้างไต) ชั่วคราว เพื่อช่วยพยุงร่างกายระหว่างที่รอให้ไตฟื้นตัว

ความสำคัญของการพักฟื้นหลังไตวายเฉียบพลัน: ลดความเสี่ยง สู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

แม้ผู้ป่วยหลายรายจะฟื้นตัวดีขึ้นหลังออกจากโรงพยาบาล แต่ภาวะไตวายเฉียบพลันในผู้สูงอายุสามารถทิ้งผลกระทบระยะยาวได้ เช่น ค่าการทำงานของไตที่ไม่กลับมาสู่ระดับปกติ หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไตเรื้อรังในอนาคต

ดังนั้น การพักฟื้นหลังไตวายเฉียบพลัน จึงมีความสำคัญไม่แพ้การรักษาในโรงพยาบาล เพราะช่วย ป้องกันการกลับเป็นซ้ำ และ ลดโอกาสเข้าสู่ภาวะไตวายถาวร สิ่งที่ควรให้ความสำคัญในช่วงพักฟื้น ได้แก่:

  • การติดตามค่าการทำงานของไตเป็นระยะ: เพื่อประเมินการฟื้นตัวและปรับแนวทางการดูแล
  • การควบคุมอาหาร: โดยปริมาณโปรตีน เกลือ และน้ำ ให้เหมาะสมกับสภาพไต
  • การปรับยาให้เหมาะสม: แพทย์จะพิจารณาปรับยาต่างๆ ให้เข้ากับการทำงานของไตที่เปลี่ยนแปลงไป
  • การเฝ้าระวังอาการผิดปกติ: เช่น อาการบวม เหนื่อยง่าย หรือปริมาณปัสสาวะที่ลดลง
  • การทำกายภาพบำบัด: เพื่อช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงของร่างกายและกล้ามเนื้อ

หากผู้สูงอายุไม่สามารถดูแลตนเองได้อย่างเต็มที่ที่บ้าน หรือไม่มีทีมแพทย์คอยติดตามอย่างใกล้ชิด การเลือกศูนย์พักฟื้นที่มีความเชี่ยวชาญด้านโรคไต จึงเป็นอีกทางเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่ง

Silver Ace Nursing Home: ผู้เชี่ยวชาญในการดูแลผู้สูงอายุหลังไตวายเฉียบพลัน

ที่ Silver Ace Nursing Home เราเข้าใจถึงความต้องการเฉพาะของผู้สูงอายุที่มีภาวะไต เราจึงให้ความสำคัญกับการดูแลแบบเฉพาะทาง โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในช่วงฟื้นตัวจากไตวายเฉียบพลัน

เราให้บริการดูแลแบบครบวงจรโดย อายุรแพทย์เฉพาะทางโรคไต พยาบาลวิชาชีพ และนักโภชนาการ พร้อมด้วยระบบการติดตามค่าการทำงานของไตอย่างสม่ำเสมอ และโปรแกรมฟื้นฟูที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับผู้ป่วยไต ได้แก่:

  • การชั่งน้ำหนักและประเมินภาวะน้ำเกินทุกวัน: เพื่อควบคุมสมดุลน้ำในร่างกายอย่างใกล้ชิด
  • การควบคุมอาหารเฉพาะโรค: โดยนักโภชนาการจะจัดเมนูอาหารที่เหมาะสมกับผู้ป่วยไต
  • การฟื้นฟูร่างกาย: เพื่อป้องกันภาวะกล้ามเนื้อลีบ และช่วยให้ร่างกายกลับมาแข็งแรง
  • การตรวจเลือดและติดตามค่าไตอย่างต่อเนื่อง: เพื่อประเมินการฟื้นตัวและปรับแผนการรักษา
  • การปรับยาภายใต้การดูแลของแพทย์: เพื่อให้มั่นใจว่ายาที่ใช้เหมาะสมและปลอดภัยต่อไต

เรามุ่งมั่นที่จะให้ผู้สูงอายุทุกคนสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ มีสุขภาพที่แข็งแรง และลดความเสี่ยงในการต้องพึ่งพาการล้างไตในอนาคต

“ไตวายเฉียบพลันในผู้สูงอายุ” คือภาวะที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่เพียงแค่ในช่วงที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเท่านั้น แต่ “การพักฟื้นหลังไตวายเฉียบพลัน” ก็เป็นช่วงเวลาสำคัญที่มีผลต่อสุขภาพในระยะยาว

หากคุณกำลังมองหาศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง พร้อมทีมแพทย์ที่เข้าใจโรคไตอย่างแท้จริง Silver Ace Nursing Home พร้อมอยู่เคียงข้างคุณและครอบครัวในทุกก้าวของการฟื้นฟู

ผู้เขียนบทความ: พญ.ศศิธร คุณูปการ

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ SilverAce ลำลูกกา ปทุมธานี

Transitional Care: การดูแลต่อเนื่องหลังออกจากโรงพยาบาล ช่วงเวลาสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

เมื่อผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล หลายคนอาจรู้สึกโล่งใจว่า “หายแล้ว กลับบ้านได้แล้ว”
แต่ความจริงคือ… สำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยโรคเรื้อรัง “การกลับบ้าน” ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการรักษา แต่คือ “จุดเริ่มต้นของการดูแลอย่างต่อเนื่อง” ที่มีชื่อเรียกในทางการแพทย์ว่า Transitional Care

ในบทความนี้ หมอขอพาทุกท่านไปรู้จักกับแนวคิดของ Transitional Care หรือ การดูแลผู้ป่วยในช่วงเปลี่ยนผ่าน จากโรงพยาบาลกลับสู่บ้าน ทำไมช่วงเวลานี้จึงสำคัญ และใครที่ควรได้รับการดูแลลักษณะนี้

บริการต่างๆ ของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ซิลเวอร์ เอซ เนอร์สซิ่งโฮม

Transitional Care คืออะไร?

Transitional Care หมายถึงการดูแลต่อเนื่องในช่วงที่ผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล แต่ยังไม่พร้อมกลับไปใช้ชีวิตตามปกติที่บ้าน

ช่วงเปลี่ยนผ่านนี้อาจกินเวลาตั้งแต่ไม่กี่วันจนถึงหลายสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับภาวะของผู้ป่วย โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย และลดความเสี่ยงของการกลับเข้าโรงพยาบาลซ้ำ

ทำไม Transitional Care จึงสำคัญ?

จากประสบการณ์ตรงของหมอ และงานวิจัยหลายฉบับ ทั้งในไทยและต่างประเทศ พบว่าผู้ป่วยจำนวนมากยังมีปัญหาสุขภาพคงค้าง แม้จะได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เช่น

  • ยังอ่อนแรง ไม่สามารถเดินได้เอง
  • ต้องให้อาหารทางสาย (NG tube หรือ PEG)
  • ต้องดูแลแผลผ่าตัดหรือแผลกดทับ
  • ต้องใช้ยาหลายชนิดที่ต้องจัดการอย่างแม่นยำ
  • ยังต้องทำกายภาพบำบัด หรือติดตามผลทางห้องปฏิบัติการ

การกลับบ้านโดยไม่มีแผนดูแลที่เหมาะสม จึงเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น ติดเชื้อจากการดูแลแผลผิดวิธี, ขาดยา, สำลักอาหาร, ล้มในห้องน้ำ หรือแม้แต่ภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ

นอกจากนี้ ข้อมูลจาก Centers for Medicare & Medicaid Services (CMS) ของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า เกือบ 20% ของผู้สูงอายุที่ออกจากโรงพยาบาล ต้องกลับมาแอดมิทซ้ำภายใน 30 วัน [1] ซึ่งตัวเลขนี้น่ากังวล และมักมาจาก “ช่องว่างของการดูแลหลังจำหน่าย” [2]

กลุ่มผู้ป่วยที่ควรได้รับ Transitional Care

  • ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ หรือไตเรื้อรัง
  • ผู้ที่นอน ICU หรือมีภาวะเจ็บป่วยรุนแรงก่อนหน้านี้
  • ผู้ป่วยติดเตียง หรือเคลื่อนไหวได้น้อย
  • ผู้ป่วยที่ต้องใส่สายต่าง ๆ เช่น สายอาหาร สายสวนปัสสาวะ หรือสายให้น้ำเกลือ
  • ผู้ที่ต้องทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพ

ผู้ที่มีการเปลี่ยนแปลงยาหลายชนิดในช่วงรักษา

Transitional Care ควรดูแลอย่างไร?

การดูแลในช่วง Transition นี้ ต้องอาศัยทีมสหวิชาชีพ (Multidisciplinary Team)
ซึ่งอาจประกอบด้วย:

  • แพทย์ เพื่อติดตามอาการ ปรับยา และประเมินภาวะแทรกซ้อน
  • พยาบาลวิชาชีพ เพื่อดูแลแผล ให้อาหารทางสาย ดูแลยาและสังเกตอาการ
  • นักกายภาพบำบัด เพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหว ลดความเสี่ยงจากการล้ม
  • นักโภชนาการ ช่วยวางแผนอาหารให้เหมาะสมกับโรค
  • นักจิตวิทยาหรือผู้ให้คำปรึกษา สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล

แนวคิด “Care Transitions Intervention (CTI)” ก็ถือเป็นโมเดลที่ได้รับการยอมรับว่าช่วยลดการแอดมิทซ้ำได้อย่างชัดเจน [3]

ข้อดีของการได้รับดูแล Transitional Care

  •  ลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน เช่น แผลติดเชื้อ ล้ม หรือขาดยา
  •  ลดอัตราการกลับเข้าโรงพยาบาลซ้ำ [1]
  •  ฟื้นฟูร่างกายอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ
  •  สร้างความมั่นใจให้ทั้งผู้ป่วยและญาติก่อนกลับบ้าน

 ญาติได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องจากทีมแพทย์และพยาบาล

ดูแลที่บ้านได้ไหม? หรือควรไป Nursing Home?

แม้การดูแลที่บ้านจะเป็นเป้าหมายของผู้ป่วยหลายราย แต่ในช่วงแรกหลังออกจากโรงพยาบาล ความพร้อมของบ้านและของญาติอาจยังไม่เพียงพอ

การให้ยา การดูแลแผล การให้อาหารทางสาย หรือการจัดกายภาพบำบัด ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากญาติไม่มีความรู้ด้านการแพทย์หรือไม่มีเวลาช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ Nursing Home ที่มีแพทย์ดูแลและทีมครบครัน กลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในช่วง Transition Care [4]

Silver Ace Nursing Home กับการดูแล Transitional Care

ที่ Silver Ace Nursing Home เราให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ป่วยในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้อย่างยิ่ง
โดยออกแบบโปรแกรม Transitional Care ที่ดูแลครบทุกมิติ ทั้งทางกายและใจ

  •  แพทย์เยี่ยมตรวจเป็นประจำ และสามารถปรึกษาออนไลน์ได้ 24 ชม.
  •  พยาบาลวิชาชีพเฝ้าดูแลตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมดูแลยา แผล และอาการต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด
  •  นักกายภาพบำบัดและนักโภชนาการ ที่ช่วยให้การฟื้นตัวเร็วและปลอดภัย
  •  บรรยากาศเงียบสงบ สะอาด เป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับการพักฟื้น
  • เมื่อร่างกายพร้อมแล้ว ทีมจะประเมินก่อนกลับบ้าน พร้อมจัดทำแผนดูแลต่อเนื่องให้ญาติ

Transitional Care คือสะพานสู่การกลับบ้านอย่างปลอดภัยTransitional Care ไม่ใช่แค่ “การรอเวลา” แต่คือช่วงเวลาที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดและเข้าใจหากคุณมีญาติที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล แต่ยังต้องให้อาหารทางสาย ยังอ่อนแรง ยังต้องปรับยา หรือฟื้นฟูร่างกายต่อ “อย่ารีบร้อนพากลับบ้าน หากยังไม่พร้อม”ให้ Silver Ace Nursing Home เป็น “สะพานปลอดภัย” ที่จะช่วยให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างมั่นใจ ลดความเสี่ยง ลดภาระญาติ และพาผู้ป่วยกลับบ้านอย่างมีคุณภาพ

อ้างอิง

Jencks SF, Williams MV, Coleman EA. Rehospitalizations among patients in the Medicare fee-for-service program. N Engl J Med. 2009;360(14):1418–28. Available from: https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMsa0803563

Centers for Medicare & Medicaid Services (CMS). Transitional Care Management (TCM) Services [Internet]. Baltimore (MD): CMS; 2023 [cited 2025 Jun 15]. Available from: https://www.cms.gov/medicare/medicare-fee-for-service-payment/physicianfeesched/tcm

Coleman EA, Parry C, Chalmers S, Min SJ. The Care Transitions Intervention: results of a randomized controlled trial. Arch Intern Med. 2006;166(17):1822–8. Available from: https://jamanetwork.com/journals/jamainternalmedicine/fullarticle/410933

Naylor MD, Aiken LH, Kurtzman ET, Olds DM, Hirschman KB. The importance of transitional care in achieving health reform. Health Aff (Millwood). 2011;30(4):746–54. Available from: https://www.healthaffairs.org/doi/full/10.1377/hlthaff.2011.0041

ผู้เขียนบทความ: พญ.ศศิธร คุณูปการ

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ SilverAce ลำลูกกา ปทุมธานี

โรคไตเรื้อรังในผู้สูงอายุ ภัยเงียบที่ต้องใส่ใจ

เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายของเราย่อมมีการเปลี่ยนแปลงและเสื่อมสภาพลงเป็นเรื่องปกติ รวมถึง ไต ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือด และรักษาสมดุลของเกลือแร่และน้ำในร่างกาย ด้วยเหตุนี้ โรคไตเรื้อรัง จึงเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ และมักถูกเรียกว่า “ภัยเงียบ” เพราะอาการมักไม่ชัดเจนในระยะแรก กว่าจะรู้ตัว บางครั้งไตก็ทำงานได้แย่ลงไปมากแล้ว

บริการต่างๆ ของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ซิลเวอร์ เอซ เนอร์สซิ่งโฮม

ทำไมผู้สูงอายุถึงเสี่ยงโรคไตเรื้อรัง?

•   ความเสื่อมตามวัย: ไตของผู้สูงอายุจะทำงานลดลงตามธรรมชาติอยู่แล้ว แม้จะไม่มีโรคประจำตัวใดๆ

•  โรคประจำตัว: ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักมีโรคเรื้อรังหลายอย่าง เช่น โรคเบาหวาน และ โรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำลายไต

•  การใช้ยา: ผู้สูงอายุอาจได้รับยาหลายชนิดเพื่อรักษาโรคประจำตัว ซึ่งยาบางชนิดอาจมีผลกระทบต่อไตได้หากใช้ไม่ระมัดระวัง

•  พฤติกรรมการใช้ชีวิต: การดื่มน้ำน้อย ขาดการออกกำลังกาย หรือการรับประทานอาหารรสจัดเค็มจัดก็ล้วนส่งผลเสียต่อไตได้

สัญญาณเตือนของโรคไตเรื้อรังที่ควรรู้

ในระยะแรก โรคไตเรื้อรังมักไม่มีอาการ หรือมีอาการไม่เฉพาะเจาะจง ทำให้ผู้สูงอายุอาจละเลยและไม่ทราบว่าตนเองกำลังเผชิญกับปัญหานี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อไตเริ่มทำงานแย่ลง อาจมีสัญญาณเตือนบางอย่างที่สังเกตได้ เช่น

•  อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง

•  บวมตามใบหน้า เท้า ข้อเท้า หรือน่อง

•  ปัสสาวะผิดปกติ เช่น ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะเวลากลางคืน ปัสสาวะเป็นฟอง หรือมีสีเข้มผิดปกติ

•  เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน

•  คันตามผิวหนัง

•  ปวดเมื่อยตามร่างกาย เป็นตะคริวบ่อย

•  ความดันโลหิตสูงขึ้น

หากพบว่าผู้สูงอายุมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างทันท่วงที

การดูแลและป้องกันโรคไตเรื้อรัง

การดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญในการชะลอความเสื่อมของไตและป้องกันการเกิดโรคไตเรื้อรังในผู้สูงอายุ:

•  ควบคุมโรคประจำตัวให้ดี: ผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงควรควบคุมระดับน้ำตาลและความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมอย่างเคร่งครัด

•  เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เน้นอาหารรสไม่จัด ลดเค็ม ลดหวาน ลดมัน หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป และเพิ่มผักผลไม้

•  ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ: อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว หรือตามคำแนะนำของแพทย์

•  ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: เลือกกิจกรรมที่ไม่หักโหม เช่น เดินเร็ว โยคะ หรือไทเก๊ก

•  หลีกเลี่ยงยาที่อาจเป็นอันตรายต่อไต: ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนรับประทานยา โดยเฉพาะยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs

•  ตรวจสุขภาพไตเป็นประจำ: โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยง เช่น มีโรคประจำตัว หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคไต

โรคไตเรื้อรังเป็นภาวะที่รักษาไม่หายขาด แต่สามารถชะลอการลุกลามและป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้ การใส่ใจดูแลสุขภาพและหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของตนเองและคนในครอบครัวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีและห่างไกลจากภาวะแทรกซ้อนของโรคไต

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่เชี่ยวชาญด้านโรคไต

 ที่ Silver Ace Nursing Home เราให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่มีโรคไตเรื้อรังแบบครบวงจร 

  • ทีมแพทย์เฉพาะทางโรคไต
  • การจัดโภชนาการเฉพาะทาง 
  • การดูแลด้านอารมณ์และสุขภาพจิต
  • พร้อมวางแผนการฟื้นฟูเฉพาะบุคคล

เพื่อชะลอการเสื่อมของไตและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ดีที่สุด

หากคุณกำลังมองหาสถานที่ดูแลผู้สูงอายุที่มีโรคไตเรื้อรังด้วยความเข้าใจ ใส่ใจ และมาตรฐานระดับโรงพยาบาล Silver Ace Nursing Home พร้อมดูแลเสมอ

ผู้เขียนบทความ: พญ.ศศิธร คุณูปการ

วิธีเลือก ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ SilverAce ลำลูกกา ปทุมธานี

วิธีเลือก ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ควรเลือกที่ไหน?

วิธีเลือก ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ : ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เป็นสถานที่ ที่ให้การดูแล สนับสนุน และช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถดูแลตนเองได้อย่างเต็มที่หรือมีโรคประจำตัวที่ต้องได้รับการดูแลรักษาเป็นพิเศษ ซึ่งศูนย์ดูแลผู้สูงอายุจะมีทั้งรายวันและระยะยาวให้พักอาศัย 

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุได้เข้ามามีบทบาทสำคัญมากในสังคมประเทศไทยในปัจจุบัน เนื่องจากช่วยให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่เหมาะสม ได้รับการดูแลที่ใกล้ชิดจากแพทย์และผู้ชำนาญการ และช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้สูงวัย โดยเฉพาะในยุคนี้ที่มีจำนวนประชากรสูงวัยมากขึ้น การมีศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานจึงเป็นสิ่งจำเป็นและได้รับความสนใจที่มากขึ้น

บริการต่างๆ ของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ซิลเวอร์ เอซ เนอร์สซิ่งโฮม

ความสำคัญของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในปัจจุบัน

ในยุคปัจจุบันหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุจึงมีบทบาทสำคัญ ทั้งในด้านของเรื่องสุขภาพกาย สุขภาพจิต และสังคม วันนี้ Silver Ace จะพาคุณมาดูบทบาทและความสำคัญของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในปัจจุบัน ว่ามีความสำคัญอย่างไรและไม่ใช่เรื่องแปลกหรือน่าอาย ที่เราจะใช้บริการ ให้ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เป็นผู้ดูแลญาติผู้ใหญ่ที่เรารัก

1. ตอบสนองต่อสังคมผู้สูงอายุ
ปัจจุบันจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความต้องการสถานที่ดูแลผู้สูงอายุที่เหมาะสมมากเพิ่มขึ้น

2. ช่วยแบ่งเบาและดูแลคนที่คุณรัก
ครอบครัวบางครอบครัวอาจมีภาระหน้าที่ ที่ไม่สามารถดูแลผู้สูงอายุได้อย่างเต็มที่และตลอดเวลา

3. มอบการดูแลที่มีมาตรฐานและปลอดภัย
ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญและมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ครบครัน ทำให้สามารถดูแลผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. ส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้สูงอายุ
ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุมีกิจกรรม การออกแบบการบำบัด และการออกแบบการดูแลที่เหมาะกับผู้สูงอายุแต่ละท่าน ทำให้ช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สุขภาพจิตที่ดี และคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้สูงวัย ทำให้ผู้สูงวัยมีความสุข ไม่เหงา ไม่เครียด และลดการเกิดภาวะซึมเศร้าในสูงวัย

วิธีเลือก ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ

การเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาให้ดีและรอบคอบ เนื่องจากพวกท่านเป็นคนที่คุณรัก เราจึงควรเลือกสิ่งที่ดี ปลอดภัย และได้มาตรฐานที่สุด เพื่อให้มั่นใจว่าผู้สูงอายุที่เรารักจะได้รับการดูแลที่ดี อบอุ่น และปลอดภัย ทั้งในแง่ของสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจ บทความนี้จึงจะมาแนะนำ 7 วิธีเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่ดีต่อใจ ทั้งสำหรับผู้สูงวัยและลูกหลานทุกคน

วิธีการเลือกดูแลผู้สูงอายุ

1. คุณภาพของบุคลากรและการบริการ

  • ตรวจสอบว่ามีบุคลากรทางการแพทย์คอยดูแลตลอดและมีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ครบครันหรือไม่ เช่น แพทย์ พยาบาล ผู้ดูแลมืออาชีพ รถพยาบาล เป็นต้น
  • บุคลากรต้องมีความเชี่ยวชาญและมีใบประกาศนียบัตรรับรอง
  • มีการดูแลที่อบอุ่น เฝ้าระวังตลอดเวลา และให้ยาอย่างถูกต้อง

2. ความสะอาด ความปลอดภัย และได้มาตรฐานของสถานที่

  • ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุจะต้องมีสภาพแวดล้อมที่สะอาดทั้งภายในและภายนอก
  • มีความปลอดภัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ เช่น พื้นที่สำหรับใช้รถเข็น เตียงนอนผู้ป่วย ราวจับในห้องน้ำ ลิฟต์เคลื่อนย้ายผู้สูงอายุ
  • ห้องพักมีอากาศถ่ายเทที่สะดวกและบริสุทธิ์
  • มีระบบรักษาความปลอดภัย เช่น กล้องวงจรปิด ระบบแจ้งเหตุฉุกเฉิน

3. มีกิจกรรมที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ

  • มีการทำกายภาพบำบัดหรือการออกกำลังกายเบาๆ สำหรับผู้สูงอายุ
  • มีกิจกรรมบำบัดความเครียดและกิจกรรมสันทนาการ เช่น อ่านหนังสือ การพบปะพูดคุย

4. ให้ความสำคัญเรื่องอาหาร

  • สอบถามเรื่องอาหาร อาหารเหมาะสมกับผู้สูงอายุหรือไม่ หรือมีการออกแบบอาหารเฉพาะรายบุคคลสำหรับผู้ป่วยแต่ละโรคหรือไม่
  • เมนูและกระบวนการทำอาหารมีความปลอดภัย สะอาด ถูกสุขอนามัย และถูกหลักโภชนาการ

5. ค่าใช้จ่ายและเงื่อนไขการให้บริการมีความคุ้มค่า

  • เปรียบเทียบความคุ้มค่าของค่าใช้จ่ายและบริการที่ได้รับว่าคุ้มค่าหรือไม่

6. ตรวจสอบรีวิวและความน่าเชื่อถือของศูนย์

  • หาข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ สอบถามคนที่เคยใช้บริการ ดูรีวิว และดูคะแนนความพึงพอใจ
  • ตรวจสอบว่าศูนย์ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขหรือไม่

7. พิจารณาทำเลที่ตั้งของศูนย์

  • เดินทางสะดวก เข้าถึงง่าย สภาพแวดล้อมปลอดภัย อยู่ใกล้โรงพยาบาล

ทำไมต้องเลือก ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Silver Ace Nursing Home

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Silver Ace เราใส่เรื่องความเป็นอยู่รอบด้านของผู้สูงอายุ ดูแลใส่ใจและใกล้ชิดเหมือนคนในครอบครัว บรรยากาศอบอุ่นละปลอดภัยเหมือนอยู่บ้าน ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Silver Ace ให้การดูแลที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน โดยมีผู้ชำนาญการคอยดูแลผู้สูงอายุตลอด 24 ชั่วโมง มีความเพียบพร้อมทุกด้านสำหรับการอยู่อาศัยที่ปลอดภัยและช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้สูงอายุ

นอกจากนี้ ที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Silver Ace เรามีอายุรแพทย์โรคไตเป็นเจ้าของศูนย์ “หมอหลินฮุ่ย พญ.ศศิธร คุณูปการ” และมีทีมแพทย์หลากหลายสาขาที่จะคอยเข้ามาดูแล ให้คำปรึกษา และเยี่ยมผู้ป่วยทุกๆ สัปดาห์ มั่นใจในความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงวัยทุกคนได้เลย

ข้อดีของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Silver Ace

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Silver Ace มีมาตรฐานและมีคุณสมบัติครบตาม “วิธีการเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคุณภาพการบริการที่มีผู้ชำนาญการคอยดูแลผู้สูงวัยอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง และมีแพทย์เข้ามาเยี่ยมทุกๆ สัปดาห์ สถานที่มีความสะอาดและปลอดภัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกและกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้สูงอายุ

นอกจากนี้เรื่องอาหารการกินเราก็ใส่ใจเป็นพิเศษ มีการออกแบบอาหารเฉพาะรายบุคคลสำหรับผู้ป่วยแต่ละโรค เพื่อสุขอนามัยที่ดีและการได้รับคุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วน มั่นใจใน Silver Ace ได้เลยว่าเราบริการคุ้มค่าและบริการด้วยใจ พร้อมมอบความรักและความอบอุ่นให้กับผู้สูงวัยทุกคน 

ที่ Silver Ace มีอายุรแพทย์โรคไตเป็นแพทย์เจ้าของศูนย์และมีรีวิวการใช้บริการจริงจากผู้สูงอายุหลายคน ที่อยู่กับเราและมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้น ถ้าคุณกำลังมองหาศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่ดี มั่นใจ เลือกใช้บริการที่ Silver Ace ได้เลย 

มอบสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น ปลอดภัย ไม่วุ่นวาย และอยู่ใก้ลโรงพยาบาลให้คนที่คุณรัก ต้องที่ “ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Silver Ace Nursing Home” ดูแลดี ได้มาตรฐาน ใส่ใจ และห่วงใยไม่มีพักตลอด 24 ชั่วโมง เราพร้อมที่จะดูแลคนที่คุณรักเป็นอย่างดี และมอบคุณภาพชีวิตและประสบการณ์ชีวิตที่ดีให้กับผู้สูงอายุทุกท่าน 

Silver Ace ตอบโจทย์เรื่องการเป็นสถานที่สำหรับดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง เรามีคุณสมบัติครบทุกข้อสำหรับการเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่ดีและมีมาตรฐาน เราพร้อมที่จะมอบความอบอุ่นและการดูแลใส่ใจให้กับผู้สูงอายุทุกท่าน ให้เราได้ดูแลและทำหน้าที่เป็นลูกหลานของคนที่คุณรัก เลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่ดี มีมาตรฐาน และเชื้่อถือได้ ไว้ใจเลือก “ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Silver Ace Nursing Home” ดูรายละเอียดบริการของเราได้ที่ >>

ผู้เขียนบทความ: พญ.ศศิธร คุณูปการ

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Silver Ace Nursing Home ลำลูกกา คลอง 4

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Silver Ace Nursing Home ลำลูกกา คลอง 4

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Silver Ace (ซิลเวอร์ เอซ) ใส่ใจทุกความต้องการของผู้สูงอายุ บรรยากาศอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยทุกท่านเหมือนคนในครอบครัว ใส่ใจดูแลทุกเรื่อง ในทุกๆ วันด้วยความจริงใจและอบอุ่นตลอด 24 ชั่วโมง โดยผู้ชำนาญการ

ผู้สูงอายุที่คุณรักจะได้รับการดูแลและใส่ใจเป็นอย่างดี มั่นใจในความปลอดภัย ความแข็งแรง และความสุข ทั้งทางกายและทางใจได้เลย เราพร้อมมอบคุณภาพชีวิตและสังคมผู้สูงอายุที่ดีให้คนที่คุณรัก

บริการต่างๆ ของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ซิลเวอร์ เอซ เนอร์สซิ่งโฮม

ทำความรู้จัก ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Silver Ace (ซิลเวอร์ เอซ)

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ซิลเวอร์ เอซ สถานที่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ความอบอุ่น และความเพียบพร้อมในการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ ศูนย์ของเราตั้งอยู่ที่ ปทุมธานี ใกล้โรงพยาบาล 5 แห่ง 

  • โรงพยาบาลซีจีเอช สายไหม 4.1 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสินแพทย์ ลำลูกกา 4.6 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลบีแคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ 9.6 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลซีจีเอช ลำลูกกา 10.8 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช 11.7 กิโลเมตร

เราเข้าใจการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยติดเตียงไม่ใช่เรื่องที่ง่าย เมื่อเริ่มก้าวสู่วัยสูงอายุ โรคภัยไข้เจ็บก็เริ่มถามหา การใช้ชีวิตก็เริ่มเปลี่ยนไป ดังนั้น การมีสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยอำนวยความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และความอุ่นใจให้กับผู้สูงอายุและลูกหลานทุกคน

ซิลเวอร์ เอช จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสถานที่ ที่มีความตั้งใจที่จะมอบการดูแลที่ดี อบอุ่น ปลอดภัย ใส่ใจ และมีคุณภาพสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยทุกคน ที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุของเรา เพียบพร้อมทั้งการดูแล มีการดูแลตลอด 24 ชั่วโมง การออกแบบสร้างพื้นที่ ที่คำนึงถึงความปลอดภัยของการอยู่อาศัยจริงของผู้สูงอายุและผู้ป่วยเป็นหลัก และเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความสุข และในบรรยากาศที่อบอุ่นเหมือนอยู่บ้านกับลูกหลาน

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ซิลเวอร์ เอซ เป็นมากกว่าแค่สถานที่ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง แต่เราเป็นเหมือนครอบครัวของคุณ ด้วยการดูแล การมอบความอบอุ่น และการมอบความใส่ใจที่เป็นพิเศษให้กับผู้ป่วยและผู้สูงอายุทุกท่านที่นี่ ขอบคุณทุกท่านที่ไว้ใจและเชื่อใจให้เราได้ดูแลญาติผู้ใหญ่ของคุณ ซิลเวอร์ เอซ จะตอบแทนความไว้วางใจของทุกท่านโดยการมอบบริการที่มีมาตรฐานและดูแลใส่ใจผู้สูงอายุอย่างดีเช่นนี้ไปตลอด

บริการครบวงจรเรื่องการ “ดูแล” ผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่คุณมั่นใจได้ ออกแบบการสร้างโดยใช้หลัก Universal Design (อายรสถาปัตถ์) ปลอดภัยและอุ่นใจสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงทุกท่าน เราใส่ใจทุกรายละเอียดและความต้องการของผู้สูงอายุ มั่นใจได้เลย “คนที่คุณรัก” จะได้รับการดูแลที่ดีและมีมาตรฐานทางการแพทย์ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยทั้งคลายเครียด คุณภาพชีวิตที่ดี บำบัดฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ และได้รับการรักษาโดยแพทย์

ทุกบริการเราออกแบบมาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงโดยเฉพาะ เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็ง สุขภาพจิตใจที่ดี ความสุข และการใช้ชีวิตอย่างอุ่นใจตลอด 24 ชั่วโมง

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ซิลเวอร์ เอซ บริการด้วยใจ ครอบคลุมทุกความสำคัญของการดูแลที่เน้นความใส่ใจและเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง มีทั้งการดูแลแบบรายเดือนและรายวัน

บริการครบวงจรเรื่องการ “ดูแล” ผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง

  • อาหารถูกหลักโภชนาการ 3 มื้อ (ออกแบบเฉพาะบุคคล)
  • เสื้อผ้าสำหรับผู้ป่วยและอุปกรณ์อาบน้ำ
  • กายภาพบำบัดฟื้นฟูร่างกายและเสริมสร้างความแข็งแรง
  • แพทย์เข้าเยี่ยมและให้คำปรึกษาสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
  • รถพยาบาลมาตรฐาน รับ-ส่ง ผู้ป่วย กรณีป่วยฉุกเฉิน
  • การปรึกษาแพทย์ผ่าน Telemedicine ครอบคลุมทุกสาขาทางการแพทย์
  • การดูแลตลอด 24 ชั่วโมง โดยผู้ชำนาญการ

สิ่งอำนวยความสะดวกที่ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Silver Ace (ซิลเวอร์ เอซ)

  • ติดตั้งเครื่องปรับอากาศทุกห้อง
  • เครื่องฟอกอากาศ
  • ลิฟต์สำหรับเคลื่อนย้ายผู้สูงอายุ
  • พื้นที่ทุกส่วนรองรับการใช้รถเข็น
  • สถานที่สะอาด ใหม่ ปลอดภัย

ประเภทของห้องพัก

  • ห้องเดี่ยว
  • ห้องคู่
  • ห้องรวม 4 เตียง
  • ห้องรวม 8 เตียง

บริการต่างๆ ของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ซิลเวอร์ เอซ เนอร์สซิ่งโฮม

อัตรค่าบริการ

อัตราค่าบริการสำหรับการดูแลผู้สูงอายุรายเดือน
เริ่มต้นที่ 35,000.-/เดือน

  • อาหารถูกหลักโภชนาการ 3 มื้อ (ออกแบบเฉพาะบุคคล)
  • กายภาพบำบัดฟื้นฟูเบื้องต้น (ออกแบบเฉพาะบุคคล)
  • กิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุ
  • เสื้อผ้าสำหรับผู้ป่วย
  • มีแพทย์เข้าเยี่ยมและให้คำปรึกษาสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

อัตาค่าบริการสำหรับการดูแลผู้สูงอายุรายวัน
เริ่มต้นที่ 1,000.-/วัน

  • อาหาร 1 มื้อ รวมอาหารว่าง
  • ดูแลจัดยาให้ทานตรงตามเวลา
  • กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ

ทำไมถึงต้องเลือก ซิลเวอร์ เอซ

มาเป็นครอบครัวเดียวกันกับเราที่ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ซิลเวอร์ เอซ สะอาด ปลอดภัย ตั้งอยู่ใกล้โรงพยาบาลหลายแห่ง มีผู้ชำนาญการเป็นผู้ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน มีทีมผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา และได้มาตรฐานทางการแพทย์ โดยมีอายุรแพทย์โรคไต เป็นแพทย์เจ้าของศูนย์

พาทำความรู้จักแพทย์เจ้าของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Silver Ace (ซิลเวอร์ เอซ)

หมอหลินฮุ่ย พญ.ศศิธร

“การดูแลผู้สูงอายุไม่ใช่งาน แต่เป็นการตอบแทน
ความรักและความห่วงใยที่ท่านเคยมอบให้เรา
ทุกวันที่หมอได้ดูแลผู้สูงอายุทำให้รู้สึกเหมือนได้สร้างคุณค่า
และความหมายให้กับทั้งท่านและตัวเอง”

หมอหลินฮุ่ย พญ.ศศิธร คุณูปการ (อายุรแพทย์โรคไต)

ประวัติหมอหลินฮุ่ย

  • จบการศึกษาจาก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกียรตินิยมอันดับ 1
  • ศึกษาต่อยอดสาขาอายุรแพทย์และอายุรแพทย์เฉพาะทางโรคไต
  • ศึกษาดูงานต่อยอดการปลูกถ่ายอวัยวะที่ University of Califonia, Irvine ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • มีความสนใจในการดูแลผู้สูงอายุมากกว่า 10 ปี

นอกจากหมอหลินฮุ่ย อายุรแพทย์โรคไตแล้ว ที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Silver Ace (ซิลเวอร์ เอซ) ยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกหลายสาขา ที่จะคอยให้คำปรึกษาและมาเยี่ยมผู้สูงอายุตลอดทุกๆ สัปดาห์ และมีการดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง ห่วงใยแบบไม่มีพักโดยผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์และมีใบประกาศนียบัตรรับรอง ทุกท่านมั่นใจในคุณภาพชีวิตที่ดีของคนที่คุณรักและห่วงใยได้เลย 


ผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงควรได้รับการดูแลที่เป็นพิเศษ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Silver Ace (ซิลเวอร์ เอซ) พร้อมเป็นทั้งสถานที่พักกาย พักใจ และเป็นเหมือนลูกหลาน ที่จะคอยดูแลและส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพในทุกๆ วันของผู้สูงอายุทุกคน มองหาศูนย์ดูแลผู้สูอายุที่ดี อุ่นใจ และปลอดภัย มาที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Silver Ace (ซิลเวอร์ เอซ)
ดูรายละเอียดบริการของเราได้ที่>>

ผู้เขียนบทความ: พญ.ศศิธร คุณูปการ